"ไบรอัน ตัน" ชาวนาไทยรุ่นใหม่ ปลอดภัยไร้สารเคมี
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผม Bryan Tan Makeup-Artist (ไบรอัน ตัน เมคอัพอาร์ทติส) ผมถือว่าเป็น Makeup Artist รุ่นใหม่ ที่ไม่ได้แต่ทำงานในเบื้องหลังในวงการแฟชั่นเท่านั้น แต่ผมยังทำงานเป็นเบื้องหน้าด้วย โดยมีฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้ก็คือ "ไบรอันตัน เมคอัพอาร์ทติสแห่งโลกออนไลน์"
อัพเดตข้าว
เริ่มสุกเหลืองทอง อร่าม มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว อีกสัก 2 สัปดาห์ก็เกี่ยวได้แล้ว
เบื้องหลัง
เบื้องหน้า
ความคิดเริ่มแรกที่ทำให้ผมกลายเป็นชาวนา มาจากการพูดคุยกันตามปกติกับคุณแม่ เรื่องที่นาของครอบครัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งปกติไม่ได้ทำเอง แต่ได้ให้คนอื่นมาทำนาในที่ดินของเรา โดยเขาจะมีส่วนแบ่งให้เรา เป็นข้าวประมาณ 10 % ของผลผลิตที่ได้ทั้งหมด (4ไร่) ซึ่งคุณแม่ก็บ่นให้ผมฟังว่า ข้าว 10 % ที่ได้บ้างก็เป็นข้าวดี รสชาติอร่อย แต่บ้างก็มีข้าวไม่ดีผสมมา บางครั้งเลยเสียความรู้สึก จากนั้นผมจึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า "ที่ดินนาก็เป็นของเรา ทำไมเราไม่ทำนาเองหละครับแม่ จะได้ผลผลิตเต็ม 100%" แต่ปัญหาก็คือแม่ผมทำนาเองไม่เป็นเลย ผมเลยตัดสินใจพูดออกไปอย่างมั่นใจว่า "งั้นลูกจะทำนาเอง" ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของผมก็ถึงกับตกใจ และคิดว่าผมคงพูดเล่นๆไม่ทำจริง
จากนั้นผมจึงเริ่มหาข้อมูลและความรู้ในการทำนา ซึ่งผมคิดไว้ว่า ผมจะทำนาข้าวแบบปลอดสารเคมี ซึ่งแน่นอนว่าความรู้และหลักการที่ผมเจอนั้นมันน่าทึ่งและทำให้ผมสนุกไปกับการหาความรู้เกี่ยวกับการทำนาข้าวปลอดสารเคมี แต่ว่าผลผลิตอาจได้ไม่สูงเท่ากับการใช้สารเคมีกระตุ้น แต่ต้นทุนในการปลูกแบบไร้สารเคมีนั้นจะต่ำกว่าเกือบครึ่งนึง
ขั้นตอนแรกที่ผมลงมือทำคือ การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ เพื่อนำมาต่อยอดในการทำปุ๋ย ฮอร์โมนพืช หรือสารกำจัดสัตรูพืชต่างๆ
ก่อนอื่นเราต้องขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ซื้อมา ต่อไปเราจะได้ไม่ต้องไปซื้อมาเพิ่มใหม่ เพราะเราสามารถขยายเองได้เรื่อยๆ
วิธีการขยายหัวเชื้อ
จุลินทรีย์อีเอ็ม (EM) 1 ส่วน + กากน้ำตาล 1 ส่วน + น้ำสะอาด 20 ส่วน
หมักไว้ในภาชนะที่มีผาปิดมิชิดอย่าให้อากาศเข้าได้เป็นเวลา 7 วัน
วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ
ส่วนผสม 1. ขยะเศษอาหาร หรือเปลือกผัก-ผลไม้ทุกชนิด 5 กก.
จากนั้นผมจึงเริ่มหาข้อมูลและความรู้ในการทำนา ซึ่งผมคิดไว้ว่า ผมจะทำนาข้าวแบบปลอดสารเคมี ซึ่งแน่นอนว่าความรู้และหลักการที่ผมเจอนั้นมันน่าทึ่งและทำให้ผมสนุกไปกับการหาความรู้เกี่ยวกับการทำนาข้าวปลอดสารเคมี แต่ว่าผลผลิตอาจได้ไม่สูงเท่ากับการใช้สารเคมีกระตุ้น แต่ต้นทุนในการปลูกแบบไร้สารเคมีนั้นจะต่ำกว่าเกือบครึ่งนึง
ขั้นตอนแรกที่ผมลงมือทำคือ การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ เพื่อนำมาต่อยอดในการทำปุ๋ย ฮอร์โมนพืช หรือสารกำจัดสัตรูพืชต่างๆ
ก่อนอื่นเราต้องขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ซื้อมา ต่อไปเราจะได้ไม่ต้องไปซื้อมาเพิ่มใหม่ เพราะเราสามารถขยายเองได้เรื่อยๆ
วิธีการขยายหัวเชื้อ
จุลินทรีย์อีเอ็ม (EM) 1 ส่วน + กากน้ำตาล 1 ส่วน + น้ำสะอาด 20 ส่วน
หมักไว้ในภาชนะที่มีผาปิดมิชิดอย่าให้อากาศเข้าได้เป็นเวลา 7 วัน
วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ
ส่วนผสม 1. ขยะเศษอาหาร หรือเปลือกผัก-ผลไม้ทุกชนิด 5 กก.
2. กากน้ำตาล 1 ลิตร
3. น้ำสะอาด 10 ลิตร
4. เชื้อจุลินทรีย์ 1 ลิตร
3. น้ำสะอาด 10 ลิตร
4. เชื้อจุลินทรีย์ 1 ลิตร
วิธีทำ
นำขยะเศษอาหารใส่ในถังพลาสติก ใส่กากน้ำตาลคลุกเคล้าให้ทั่ว
เติมหัวจุลินทรีย์ คนให้เข้ากันแล้วปิดฝาถังให้สนิท ยังไม่ต้องใส่น้ำ หมักไว้ 7 วัน
นำขยะเศษอาหารใส่ในถังพลาสติก ใส่กากน้ำตาลคลุกเคล้าให้ทั่ว
เติมหัวจุลินทรีย์ คนให้เข้ากันแล้วปิดฝาถังให้สนิท ยังไม่ต้องใส่น้ำ หมักไว้ 7 วัน
จึงเปิดฝาเติมน้ำ 10 ลิตร คนให้เข้ากัน แล้วหมักต่อไปประมาณ 15 วัน
จึงนำน้ำหมักมาใช้ได้
ปุ๋ยชีวภาพแห้ง
ส่วนผสม : เศษวัสดุจากพืช 10 ปี๊บ + แกลบ 10 ปี๊บ + มูลสัตว์ 10 ปี๊บ + รำอ่อน 1 ปี๊บ +
น้ำหมักพืช 1 ช้อนแกง + กากน้ำตาล 4 ช้อนแกง + น้ำ 1 ถังฝักบัว (18 ลิตร)
วิธีผสม : นำส่วนผสมแห้งทั้งหมดคลุกให้เข้ากัน นำน้ำผสมน้ำหมักพืชและกากน้ำตาล
รดให้ทั่ว ตรวจสอบความชื้นของปุ๋ย โดยกำไว้ในมือ เมื่อปล่อยมือออกจะจับเป็น
ก้อนหลอมๆ พอแตะก้อนแล้วแตกคือใช้ได้ แล้วเกลี่ยกองปุ๋ยให้เสมอกันคลุม
ด้วยกระสอบป่านให้มิดชิด ในวันรุ่งขึ้นจะเริ่มมีเส้นใยขาวๆ ปรากฏบนผิวกอง
ปุ๋ยแสดงว่า จุลินทรีย์เริ่มทำงานทิ้งไว้ 3 วัน แล้วเปิดกระสอบป่านออกคลุกกับ
ปุ๋ยให้ทั่วอีกครั้งหนึ่ง แล้วปิดกระสอบไว้ตามเดิม อีก 3 - 4 วันต่อมา ให้ทดสอบ
ดูอีก ถ้าปุ๋ยมีความเย็นถือว่าใช้ได้ ถ้ายังมีความร้อนอยู่ให้ทิ้งไว้ต่อไปอีกจนกว่า
จะเย็นจึงสามารถนำไปใช้ได้
ฮอร์โมนพืช
ส่วนผสม : ประกอบด้วย กล้วยน้ำว้าสุก /ฟักทองแก่จัด /มะละกอสุก อย่างละ 1
ก.ก. น้ำหมักพืช 2 ช้อนแกง กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง และน้ำสะอาด 5 ลิตร
วิธีทำ : สับกล้วย ฟักทอง และมะละกอ (ทั้งเปลือกและเมล็ด) ให้ละเอียด (ส่วนแรก) จาก
นั้นนำน้ำหมักพืช กากน้ำตาล และน้ำสะอาดให้เข้ากัน (ส่วนที่สอง) จากนั้นนำ
ส่วนผสมทั้งสองส่วนมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วบรรจุลงในถุงปุ๋ยโดยหมักไว้ใน
ถังพลาสติกปิดฝาระยะเวลา 7 - 8 วัน
การใช้ประโยชน์ : นำส่วนที่เป็นน้ำจากการหมัก (ในถังพลาสติก) ผสมกับน้ำใน
อัตราส่วน 2 ช้อนแกงต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นต้นข้าวในช่วงติดดอกจะทำให้ติดผลดี
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ผมได้เตรียมไว้เพื่อเวลาต้องการใช้เราจะได้ใช้ทันที จะได้ไม่เสียเวลาในการเตรียม
จากนั้นการเริ่ม ก็เกิดขึ้น ก่อนอื่นผมยังไม่เคยเห็นที่นาของคุณแม่เลยสักครั้ง คุณแม่เลยอาสาว่า เดี๋ยวแม่จะเป็นคนพาไปดูเอง จากนั้นสองคนแม่ลูกก็เดินไปตามทางและผมคิดว่าผมต้องได้ดูที่นาแน่ๆ คิดในใจว่าแค่ผมเดินไปนาก็เหนื่อยแล้ว จะไหวไหมเนี่ย แต่พอไปถึง คุณแม่ก็บอกว่า "แม่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ว่านี่ใช่นาเราหรือเปล่า 55 พรุ่งนี้เช้าให้ป้าพามาดูอีกทีละกัน" จากนั้นรุ่งเช้าผมก็ไปนากับป้า ป้าผมสอนวิธีการดูทิศทางเข้าออกของน้ำ การเปิดให้น้ำเข้า การปิดให้น้ำไม่ไหลออก หรือการระบายน้ำ ซึ่งทำให้ผมถึงกับงง และคิดว่า การทำนามันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย
ขั้นตอนแรกในการทำนาแบบผมคือการเตียมดิน โดยผมจะไม่ยอมให้เกิดการเผาฟางให้หน้าดินเสียแน่นอน ผมจะใช้วิธีการขังน้ำให้ท่วมฟาง แล้วใส่น้ำหมักจุลินทร์ย่อยสลายฟาง แช่ไว้ประมาณ 5 วัน จากนั้นผมถึงจะไถนา โดยไถนาสมัยนี้ค่อนข้างง่ายและเร็ว แต่ก็ต้องเสียค่าจ้างเช่นกัน
การทำนาครั้งนี้ผมเลือกวิธีการ "ปลูกนา" ซึ่งจริงๆแล้วจะปลูกหรือหว่านก็ได้ แต่ป้าผมแนะนำให้ปลูก เพราะเรายังมือใหม่ ลดความเสียงจากการโดนน้ำท่วม ซึ่งนาหว่านจะมีมากกว่า แต่ข้อเสียของการปลูกก็คือ ต้องจ้างแรงงานคนมาช่วยปลูกด้วย เพราะขั้นตอนเยอะทำคนเดียวไม่ไหว ต้นทุนก็จะลูงกว่านาหว่าน
แต่ก่อนที่เราจะปลูกข้าว เราก็ต้องหว่านก่อน แต่เราจะใช้พื้นที่ประมาณแค่ 1/10 ในการหว่านเมล็ดข้าว เพื่อให้ได้ต้นกล้าก่อนนำต้นกล้าแยกไปปลูก โดยต้นกล้าจะต้องมีอายุ 1 เดือน กับ 10 ถึงจะนำไปปลูกได้ ซึ่งตลอด 1 เดือน ผมใช้ใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยใส่ทุกๆ15 วัน
พอครบกำหนดอายุแล้ว ถึงเวลาของวันปลูก ผมได้ลองลงมือทำเองหมดทุกหน้าที่ แต่หน้าที่หลักของผมในวันนี้ก็คือ การตัดปลายต้นกล้า เพื่อเร่งการงอกใหม่ของต้นข้าว และอีกหน้าที่หลักก็คือการ หาบต้นกล้า ซึ่งหน้าที่นี้ผมบอกเลยว่า ถ้าผมไม่ได้ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำผมคงเป็นลมไปแล้ว เพราะมันเป้นงานที่หนักมาก คือต้องหาบต้นข้าวน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม เป็นระยะทาง100 เมตร ประมาณ 50 รอบ แต่ผมก็ผ่านวันนี้ไปได้ ผมทำตั้งแต่ ตีี 5 - 6 โมงเย็น จนได้รับคำชมจากป้าๆว่า เป็นคนสู้งานมาก ไม่คิดว่าจะสู้ขนาดนี้
ส่วนผสม : เศษวัสดุจากพืช 10 ปี๊บ + แกลบ 10 ปี๊บ + มูลสัตว์ 10 ปี๊บ + รำอ่อน 1 ปี๊บ +
น้ำหมักพืช 1 ช้อนแกง + กากน้ำตาล 4 ช้อนแกง + น้ำ 1 ถังฝักบัว (18 ลิตร)
วิธีผสม : นำส่วนผสมแห้งทั้งหมดคลุกให้เข้ากัน นำน้ำผสมน้ำหมักพืชและกากน้ำตาล
รดให้ทั่ว ตรวจสอบความชื้นของปุ๋ย โดยกำไว้ในมือ เมื่อปล่อยมือออกจะจับเป็น
ก้อนหลอมๆ พอแตะก้อนแล้วแตกคือใช้ได้ แล้วเกลี่ยกองปุ๋ยให้เสมอกันคลุม
ด้วยกระสอบป่านให้มิดชิด ในวันรุ่งขึ้นจะเริ่มมีเส้นใยขาวๆ ปรากฏบนผิวกอง
ปุ๋ยแสดงว่า จุลินทรีย์เริ่มทำงานทิ้งไว้ 3 วัน แล้วเปิดกระสอบป่านออกคลุกกับ
ปุ๋ยให้ทั่วอีกครั้งหนึ่ง แล้วปิดกระสอบไว้ตามเดิม อีก 3 - 4 วันต่อมา ให้ทดสอบ
ดูอีก ถ้าปุ๋ยมีความเย็นถือว่าใช้ได้ ถ้ายังมีความร้อนอยู่ให้ทิ้งไว้ต่อไปอีกจนกว่า
จะเย็นจึงสามารถนำไปใช้ได้
ฮอร์โมนพืช
ส่วนผสม : ประกอบด้วย กล้วยน้ำว้าสุก /ฟักทองแก่จัด /มะละกอสุก อย่างละ 1
ก.ก. น้ำหมักพืช 2 ช้อนแกง กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง และน้ำสะอาด 5 ลิตร
วิธีทำ : สับกล้วย ฟักทอง และมะละกอ (ทั้งเปลือกและเมล็ด) ให้ละเอียด (ส่วนแรก) จาก
นั้นนำน้ำหมักพืช กากน้ำตาล และน้ำสะอาดให้เข้ากัน (ส่วนที่สอง) จากนั้นนำ
ส่วนผสมทั้งสองส่วนมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วบรรจุลงในถุงปุ๋ยโดยหมักไว้ใน
ถังพลาสติกปิดฝาระยะเวลา 7 - 8 วัน
การใช้ประโยชน์ : นำส่วนที่เป็นน้ำจากการหมัก (ในถังพลาสติก) ผสมกับน้ำใน
อัตราส่วน 2 ช้อนแกงต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นต้นข้าวในช่วงติดดอกจะทำให้ติดผลดี
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ผมได้เตรียมไว้เพื่อเวลาต้องการใช้เราจะได้ใช้ทันที จะได้ไม่เสียเวลาในการเตรียม
จากนั้นการเริ่ม ก็เกิดขึ้น ก่อนอื่นผมยังไม่เคยเห็นที่นาของคุณแม่เลยสักครั้ง คุณแม่เลยอาสาว่า เดี๋ยวแม่จะเป็นคนพาไปดูเอง จากนั้นสองคนแม่ลูกก็เดินไปตามทางและผมคิดว่าผมต้องได้ดูที่นาแน่ๆ คิดในใจว่าแค่ผมเดินไปนาก็เหนื่อยแล้ว จะไหวไหมเนี่ย แต่พอไปถึง คุณแม่ก็บอกว่า "แม่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ว่านี่ใช่นาเราหรือเปล่า 55 พรุ่งนี้เช้าให้ป้าพามาดูอีกทีละกัน" จากนั้นรุ่งเช้าผมก็ไปนากับป้า ป้าผมสอนวิธีการดูทิศทางเข้าออกของน้ำ การเปิดให้น้ำเข้า การปิดให้น้ำไม่ไหลออก หรือการระบายน้ำ ซึ่งทำให้ผมถึงกับงง และคิดว่า การทำนามันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เลย
ขั้นตอนแรกในการทำนาแบบผมคือการเตียมดิน โดยผมจะไม่ยอมให้เกิดการเผาฟางให้หน้าดินเสียแน่นอน ผมจะใช้วิธีการขังน้ำให้ท่วมฟาง แล้วใส่น้ำหมักจุลินทร์ย่อยสลายฟาง แช่ไว้ประมาณ 5 วัน จากนั้นผมถึงจะไถนา โดยไถนาสมัยนี้ค่อนข้างง่ายและเร็ว แต่ก็ต้องเสียค่าจ้างเช่นกัน
การทำนาครั้งนี้ผมเลือกวิธีการ "ปลูกนา" ซึ่งจริงๆแล้วจะปลูกหรือหว่านก็ได้ แต่ป้าผมแนะนำให้ปลูก เพราะเรายังมือใหม่ ลดความเสียงจากการโดนน้ำท่วม ซึ่งนาหว่านจะมีมากกว่า แต่ข้อเสียของการปลูกก็คือ ต้องจ้างแรงงานคนมาช่วยปลูกด้วย เพราะขั้นตอนเยอะทำคนเดียวไม่ไหว ต้นทุนก็จะลูงกว่านาหว่าน
แต่ก่อนที่เราจะปลูกข้าว เราก็ต้องหว่านก่อน แต่เราจะใช้พื้นที่ประมาณแค่ 1/10 ในการหว่านเมล็ดข้าว เพื่อให้ได้ต้นกล้าก่อนนำต้นกล้าแยกไปปลูก โดยต้นกล้าจะต้องมีอายุ 1 เดือน กับ 10 ถึงจะนำไปปลูกได้ ซึ่งตลอด 1 เดือน ผมใช้ใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยใส่ทุกๆ15 วัน
พอครบกำหนดอายุแล้ว ถึงเวลาของวันปลูก ผมได้ลองลงมือทำเองหมดทุกหน้าที่ แต่หน้าที่หลักของผมในวันนี้ก็คือ การตัดปลายต้นกล้า เพื่อเร่งการงอกใหม่ของต้นข้าว และอีกหน้าที่หลักก็คือการ หาบต้นกล้า ซึ่งหน้าที่นี้ผมบอกเลยว่า ถ้าผมไม่ได้ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำผมคงเป็นลมไปแล้ว เพราะมันเป้นงานที่หนักมาก คือต้องหาบต้นข้าวน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม เป็นระยะทาง100 เมตร ประมาณ 50 รอบ แต่ผมก็ผ่านวันนี้ไปได้ ผมทำตั้งแต่ ตีี 5 - 6 โมงเย็น จนได้รับคำชมจากป้าๆว่า เป็นคนสู้งานมาก ไม่คิดว่าจะสู้ขนาดนี้
ตอนนี้ผมปลูกนาเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ต้องมารอลุ้นผมว่า ต้นข้าวที่ผมปลูกจะเจริญเติบโตหรือไม่ อย่างไรบ้าง
อัพเดตข้าว
เริ่มสุกเหลืองทอง อร่าม มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว อีกสัก 2 สัปดาห์ก็เกี่ยวได้แล้ว
และแล้วความสำเร็จก็มาถึง
ข้าวที่ได้ มีคุณภาพที่ดี (ดีกว่านาข้างๆหรือในกลุ่มเครือญาติด้วยซ้ำ อิอิ)
ผ่านการตรวจคุณภาพ สารเจือปน 0% ข้าวเม็ดโตสวยงาม น้ำหนักดี
ผลผลิตข้าวทั้งหมดที่ได้ประมาณ 30,000 กิโลกรัม แบ่งเป็นครึ่งนึง ขายส่งไป และที่เหลือนำมาทานเองและขายปลีกให้กับคนรู้จักครับ ^^
ข้าวที่ได้ มีคุณภาพที่ดี (ดีกว่านาข้างๆหรือในกลุ่มเครือญาติด้วยซ้ำ อิอิ)
ผ่านการตรวจคุณภาพ สารเจือปน 0% ข้าวเม็ดโตสวยงาม น้ำหนักดี
ผลผลิตข้าวทั้งหมดที่ได้ประมาณ 30,000 กิโลกรัม แบ่งเป็นครึ่งนึง ขายส่งไป และที่เหลือนำมาทานเองและขายปลีกให้กับคนรู้จักครับ ^^
สามารถเข้าไปร่วมพูดคุย หรือติดตามกันได้ที่ https://www.facebook.com/BryanTanMakeupArtist
และชมวิดีโอสอนแต่งหน้าที่น่าสนใจมากมายได้ที่ http://www.youtube.com/user/TanMakeUpArtist
ติดตาม Instagram ได้ที่ bryan_tan_
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น